เมนูนำทาง
เฝิง โหย่วหลาน ในช่วงปี 1949 – 1976วันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ.1949 ได้สถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และวันที่ 5 ตุลาคม เฝิง โหย่วหลานได้เขียนจดหมายเรียกร้องถึงเหมาเจ๋อตงว่า “สมัยก่อนการเรียนปรัชญาเพื่อส่งเสริมระบบศักดินาจะเสริมสร้างความมั่นคงให้แก่พรรคก๊กมินตั๋ง ตอนนี้ข้าพเจ้าได้เปลี่ยนความคิดแล้วว่าเรียนลัทธิมาร์กซิสต์ดีกว่า”[5] เหมาเจ๋อตงตอบจดหมายกลับมาว่า “ในอดีตเคยทำผิดพลาดมาก่อน” แล้วเตือนว่า “จงใช้ความซื่อสัตย์อย่างเหมาะสม” เฝิง โหย่วหลานตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งคณบดีคณะอักษรศาสตร์และหัวหน้าภาควิชาปรัชญาแห่งมหาวิทยาลัยชิงหัว และภายในปี 1950 เขาถูกส่งตัวไปเข้าร่วมขบวนการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงสังคมที่เขตชนบท ปี 1952 เขาถูกย้ายไปทำงานที่ภาควิชาปรัชญาแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่ง หลังจากที่สร้างชาติเฝิง โหย่วหลานก็ได้ทบทวนปัญหาทางประวัติศาสตร์ด้วยตนเองอยู่หลายครั้ง โดยประกาศต่อสาธารณชนทั้งในและนอกประเทศว่า “ลัทธิขงจื่อใหม่เป็นศัตรูของลัทธิมาร์กซ์ – เลนิน และลัทธิเหมา...[6] เป็นศัตรูของประชาชน...[7] เป็นการสนับสนุนสังคมกึ่งศักดินากึ่งอาณานิคมของจีนในยุคนั้นและเป็นการสยบต่ออำนาจของรัฐบาลพรรคก๊กมินตั๋ง...[8] ผลงานที่ผ่านมาของข้าพเจ้าล้วนไม่มีคุณค่าใดๆ ทั้งนั้น...[9] ข้าพเจ้าได้สำนึกผิดต่อตำราที่ได้เขียนขึ้นทั้งหมดในช่วงยุค 1940’s ” เขาได้แสดงท่าทีร่วมมือกับรัฐบาลคอมมิวนิสต์ เขาได้หาคำพูดของลัทธิมาร์กซิสต์มาใช้ในการแสดงความคิดเห็น และได้เขียนหนังสือ “ประวัติศาสตร์ปรัชญาจีน ฉบับใหม่” ออกมา 2 เล่ม ปี 1955 เขาได้เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมืองและร่วมอภิปรายกับหูชื่อและเหลียงชู่หมิง ปี 1962 มีการจัดประชุมขึ้นเป็นครั้งที่ 2 โดยสภากรรมการที่ปรึกษาแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมเฝิง โหย่วหลานได้เขียนบทกลอนให้แก่ท่านประธานเหมาว่า “คฤหาสน์หวยเหรินกำเนิดบุหงาบานสะพรั่ง สายลมแห่งวสันตฤดูส่งกลิ่นหวนหอม (怀仁堂后百花香,浩荡春风感众芳)”[10]
เมื่อเริ่มปฏิวัติวัฒนธรรมในปี 1966 ผลงานเฝิง โหย่วหลานถูกคัดลอกไว้ในนิตยสาร “คอกวัว” (牛棚) จนกระทั่งปี 1968 จึงยกเลิกการคัดลอก ปี 1973 ได้เกิดขบวนการวิพากษ์วิจารณ์แนวคิดขงจื่อและหลินเปียวอย่างรุนแรง เฝิง โหย่วหลานได้รับหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาของทีมงานที่เขียนผลงาน “เหลียงเซี่ยว” (粱效) เพื่อให้แก๊งสี่สหายเข้าใจว่า “จงออกมาจากกรอบความคิดโบราณแล้วทำลายลัทธิขงจื่อซะ” แล้วตีพิมพ์บทความ “วิจารณ์ความคิดลัทธิขงจื่อที่ข้าพเจ้าเคยสนับสนุน” และ “การต่อสู้ระหว่างแนวคิดโบราณกับแนวคิดสมัยใหม่” ในหนังสือพิมพ์รายวันกวางหมิง《光明日报》 ต่อมาก็ได้ผลิตผลงาน “บทวิจารณ์ขงจื่อ” เพื่อสนับสนุนแก๊งสี่สหายของเจียงชิง ในหนังสือเหล่านี้ เฝิง โหย่วหลานได้กล่าวว่า “ลัทธิขงจื่อในช่วงก่อนปี 1949 เสริมสร้างให้คนมีอำนาจและมีฐานะร่ำรวย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของพรรคก๊กมินตั๋ง... หลังจากปี 1949 ลัทธิขงจื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือในการต่อต้านการปฏิวัติของหลินเส้าฉีและหลินเปียว”[11] ผู้ที่สามารถเข้าร่วมขบวนการวิจารณ์ขงจื่อนับว่าเป็นความสุขที่แท้จริง [12] มีนักปรัชญาขงจื่อรุ่นหนึ่งกล่าวว่า “ถึงเวลาที่ต้องส่งเสียงวิจารณ์ขงจื่อ”[13] เฝิง โหย่วหลานได้ทำงานใกล้ชิดกับเจียงชิง จนกระทั่งปี 1976 แก๊งสี่สหายของเจียงชิงสูญเสียอำนาจ ทีมงานที่ผลิตผลงาน “เหลียงเซี่ยว” ถูกเซ้ง ส่วนเฝิง โหย่วหลานก็ถูกดำเนินคดีแล้วติดคุกเป็นเวลานาน
เมนูนำทาง
เฝิง โหย่วหลาน ในช่วงปี 1949 – 1976ใกล้เคียง
เฝิง โหย่วหลาน เฝิง เช่าเฟิง เฝิง คุน เฝิง กั๋วจาง เฝิง ยิงฉี เฝิง ยฺเวี่ยนเจิน เฝิง หย่วนเจิง เฉินหลง เชิง เฉิงเซียวแหล่งที่มา
WikiPedia: เฝิง โหย่วหลาน http://news.ifeng.com/history/zhongguojindaishi/de... https://web.archive.org/web/20180425114530/http://...